วันพุธที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2553

ข้อมูลการใช้โทรศัพมือถือและอินเตอร์เน็ต

ข้อมูลผู้ใช้โทรศัพท์มือถือและอินเทอร์เน็ต


ปัจจุบัน โทรศัพท์มือถือเข้ามามีบทบาทสำคัญกับชีวิตประจำวันของเราทุกๆคน แต่หลายคนอาจมีข้อสงสัยว่า มีจำนวนผู้ใช้งานโทรศัพท์มือถือเป็นจำนวนเท่าไหร่กันแน่ และมากหรือน้อยเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ



จากข้อมูลในตารางจะเห็นว่า ประเทศไทยนั้นมีจำนวนเลขหมายโทรศัพท์เกือบจะเท่ากับจำนวนประชากรเลยทีเดียว คิดเป็นจำนวน 66ล้านเลขหมาย จากจำนวนประชากรทั้งสิ้น 66.9ล้านคน ถึงแม้จะมีความเป็นไปได้ว่าบางคนอาจจะมีเลขหมายโทรศัพท์มากกว่า 1 เบอร์ เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศญี่ปุ่นและสหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นประเทศที่มี เทคโนโลยีที่ทันสมัย แต่ยังมีจำนวนเลขหมายโทรศัพท์ต่อประชากรน้อยกว่าประเทศไทยเสียอีก
ประเทศไทยมีผู้ใช้งานระบบอินเทอร์เน็ตรวม 18ล้านคน ในปี 2552 ในจำนวนนี้มีถึง 12ล้านคนที่ใช้งานระบบอินเทอร์เน็ตผ่านโทรศัพท์มือถือ หากเทียบกับจำนวนผู้ลงทะเบียนใช้งานระบบอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงผ่าน โทรศัพท์ประจำที่ 2.1ล้านราย หรือเทียบเป็นร้อยละ11.63 ของครอบครัวในประเทศไทย ระบบอินเทอร์เน็ตความเร็วต่ำ 9แสนราย หรือเทียบเป็นร้อยละ4.99ของครอบครัวในประเทศไทย
เมื่อเปรียบเทียบข้อมูลเบื่องต้นจะพบว่าปัจจุบันผู้ใช้งานระบบอินเทอร์ เน็ตผ่านโทรศัพท์มือถือมีจำนวนร้อยละ 17.9 เมื่อเทียบกับประชากรทั้งประเทศ ในขณะที่ผู้ใช้งานระบบอินเทอร์เน็ตผ่านโทรศัพท์ประจำที่มีจำนวนรวมกันร้อยละ 16.62 ของจำนวนครอบครัวในประเทศไทย

การใช้งานในระบบอินเทอร์เน็ตผ่านโทรศัพท์มือถือนั้น ยังมีแนวโน้นที่จะเติบโตได้อย่างรวดเร็วตามปัจจัยต่างๆดังต่อไปนี้

  • 1. โทรศัพท์มือถือ Smart Phone เช่น Iphone, Android หรือ Blackberry ซึ่งมีความสามารถในการใช้งานระบบอินเทอร์เน็ตได้อย่างสะดวกสบาย
  • 2. อุปกรณ์คอมพิวเตอร์พกพา เช่นเดียวกับโทรศัพท์มือถือ Smart Phone อุปกรณ์คอมพิวเตอร์พกพาที่สามารถบรรจุ SIM Card เพื่อเชื่อมต่อระบบอินเทอร์เน็ตได้นั้นพึ่งเริ่มมีขายอย่างจริงจังในปี 2553 และมีแนวโน้นที่จะโตขึ้นอย่างรวดเร็วในปี2554 และ 2555
  • 3. ระบบโทรศัพท์ 3G ซึ่งจะช่วยเพิ่มความเร็วในการรับส่งข้อมูลของระบบอินเทอร์เน็ตบนโทรศัพท์มือ ถือเพิ่มความสะดวกสบาย และสามารถทำให้ผู้ใช้งานเข้าถึงข้อมูลชนิดต่างๆได้มากขึ้น เช่น เพลง หรือ ภาพเคลื่อนไหว
  • 4. Application บนโทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์คอมพิวเตอร์พกพา ซึ่งจะมีจำนวน Application ที่จะเป็นต้องใช้งานร่วมกับระบบอินเทอร์เน็ตเพิ่มมากขึ้น
  • 5. ราคาค่าบริการจากผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ ซึ่งยังมีราคาสูงอยู่ในปัจจุบัน
ในปีหน้าและปีต่อๆพวกเราคงจะได้เห็นความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของความ สามารถในการทำกิจกรรมต่างๆผ่านทางทางโทรศัพท์มือถือซึ่งเป็นผลจากการรวมเอา ประโยชน์ในเรื่องของ ขนาดที่เล็กพกพาสะดวก, การเข้าถึงระบบอินเทอร์เน็ต, การเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ตรวจจับชนิดต่างๆที่ติดตั้งอยู่ภายในโทรศัพท์มือถือ และ การใช้งาน Application ที่มีประสิทธิ์ภาพและหลากหลาย
บทความโดย: เชษฐ์ เชษฐชัยยันต์ (@Chetchaiyan)
ที่มาของข้อมูล:
 รายงานดัชนีชี้วัดในกิจการโทรคมนาคมของประเทศไทยประจำปี พ.ศ.2552, สำนักคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ
 สุมาวสี ศาลาสุข, 2553, บทความใน e-commerce, September 2010 No.141, ผู้ใช้อินเทอร์เน็ต 24ล้านคนกับสถิติของประเทศไทยปี 53

วันอังคารที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2553

ทางอเมริกา กำลังห้ามพนักงานใช้ Social Network!

ทางอเมริกา กำลังห้ามพนักงานใช้ Social Network!

กระแสดิจิตอลตัวแปรใหม่การตลาด

บ.โฆษณาแห่ขยับ'โครงสร้าง-คน' รับศก.ดีดกลับ-กระแสดิจิทัลตัวแปรใหม่การตลาด


อังคาร, 12 ตุลาคม 2010
บ.โฆษณาแห่ขยับ'โครงสร้าง-คน' รับศก.ดีดกลับ-กระแสดิจิทัลตัวแปรใหม่การตลาด


เอเยนซี่โฆษณาประสานเสียงแนวโน้มศก.-ความเชื่อมั่นผู้บริโภคดีดกลับ แห่ปรับโครงสร้างธุรกิจ-คนรองรับ หลังจากอยู่แบบนิ่ง ๆ มานาน "ชัยประนิน วิสุทธิผล" แม่ทัพ "ทีบีดับบลิวเอ" เผยเตรียมลงทุนใหญ่ด้านดิจิทัล พร้อมยกเครื่องภายในองค์กรครั้งใหญ่ ทั้งส่วนวางแผนกลยุทธ์-บริหารงานลูกค้า ยันครีเอทีฟ ด้าน "สปา-ฮาคูโฮโด" รุกตั้งผู้บริหารระดับจีเอ็มพร้อมกันถึง คน ขณะที่ "JWT" ให้น้ำหนักสื่อสารการตลาดที่เป็น integrated สร้างบิ๊กไอเดียเป็นแกนในการสื่อสารทุกช่องทาง


นายชัยประนิน วิสุทธิผล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทีบีดับบลิวเอ ประเทศไทย จำกัด ในฐานะนายกสมาคมโฆษณาธุรกิจแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทโฆษณามีการปรับตัวและเคลื่อนไหวอย่างมาก หลังจากที่อยู่ในภาวะประคับประคองธุรกิจมาพักใหญ่ โดยส่วนใหญ่เป็นการปรับตัวเพื่อเตรียมตั้งรับกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจและการใช้เม็ดเงินด้านการตลาดและโฆษณาธุรกิจต่าง ๆ ทั้งในด้านการปรับโครงสร้างการบริหาร การเร่งพัฒนาบุคลากร การเปิดให้บริการในส่วนธุรกิจใหม่ ๆ ฯลฯ 
เพราะในช่วงหลายปีที่ผ่านมา บริษัทโฆษณาส่วนใหญ่วางขอบข่ายการให้บริการจำกัดในหลาย ๆ ส่วน เมื่อทุกอย่างกลับมาอยู่ในทิศทางที่ดีขึ้น บริษัทโฆษณาทุกรายต้องหันมาเตรียมความพร้อมสำหรับให้บริการที่ครบวงจรและเกิดประสิทธิภาพมากขึ้น
นายชัยประนินกล่าวว่า การขยับตัวดังกล่าวเป็นผลมาจากตัวแปร ประเด็นหลัก คือ 1.ภาคธุรกิจและบริษัทโฆษณาคาดหวังว่าเศรษฐกิจในภาพรวมจะกลับมาปรับตัวดีขึ้น เนื่องจากแนวโน้มตัวเลขเศรษฐกิจและดัชนีความเชื่อมั่นที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี ประกอบกับมีสัญญาณหลาย ๆ อย่าง (ยกเว้นการเมือง) บ่งบอกว่า เศรษฐกิจเริ่มอยู่ในทิศทางที่ดีขึ้นอย่างชัดเจน
 
 

และ 2.เป็นการปรับตัวเพื่อรองรับกับแนวคิดใหม่ ๆ และวิธีการสื่อสารในรูปแบบใหม่ ๆ รวมถึงการผสมผสานสื่อให้ลงตัวมากขึ้นเพื่อรองรับการเข้ามาของเทคโนโลยีดิจิทัล 3G รวมถึงสื่อใหม่อย่างเช่น เคเบิลทีวี ทีวีดาวเทียม ดิจิทัลออนไลน์ ฯลฯ ทำให้วงการโฆษณามีของเล่นใหม่ ๆ เข้ามาสู่ตลาดเพิ่มมากขึ้น

"
การเคลื่อนตัวของบริษัทโฆษณาในตอนนี้ถือเป็นสัญญาณที่ดี และชี้ว่าวงการโฆษณาไทยจะกลับมาคึกคักกันอีกครั้ง"
สำหรับทีบีดับบลิวเอ นายชัยประนิน กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการเตรียมการปรับตัวครั้งใหญ่เช่นกัน โดยมีแผนปรับโครงสร้างบริษัท พร้อมลงทุนเพิ่มยูนิต บิสซิเนสใหม่รองรับสื่อดิจิทัล ภายใต้กลุ่มธุรกิจ "เตอกีล่า" ซึ่งเดิมทำธุรกิจในด้านแอ็กทิเวชั่นและซีอาร์เอ็ม ทั้งนี้เป็นการรองรับการขยายตัวอย่างรวดเร็วของการ สื่อสารด้านดิจิทัล และเชื่อว่าหลังมี 3G จะทำให้รูปแบบการสื่อสารใหม่ ๆ เกิดขึ้นอีกจำนวนมาก
นอกจากนี้ยังมีการปรับโครงสร้างภายในอีกระลอกใหญ่ ทั้งส่วนวางแผนกลยุทธ์ (Strategy Planning) งานบริหารงานลูกค้า รวมถึงส่วนงานครีเอทีฟ โดยมีแผนจะเพิ่มผู้บริหารแต่ละส่วนและขยายการให้บริการที่กว้างขึ้นเพื่อรองรับธุรกิจใหม่ ๆ ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นในอนาคต อีกทั้งยังเป็นการปรับเพื่อรองรับกับการพัฒนาบุคลากรเพื่อให้การให้บริการในด้าน Value Branding มีความชัดเจนยิ่งขึ้น
ขณะที่นางสมพร มาอุทธรณ์ ผู้จัดการทั่วไปร่วม บริษัท สปา-ฮาคูโฮโด จำกัด กล่าวในทิศทางเดียวกันว่า เพื่อให้การดำเนินงานมีประสิทธิภาพสูงสุด และพร้อม รองรับสภาพเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมโฆษณาที่มีแนวโน้มกลับมาเติบโตอีกครั้ง บริษัทได้มีการปรับโครงสร้างองค์กร ครั้งใหญ่อีกครั้งหลังจากที่ได้ร่วมลงทุนกันระหว่างบริษัทสปาแอดเวอร์ไทซิ่ง และ ไทย ฮาคูโฮโด เมื่อเดือนเมษายน 2552 โดยครั้งนี้บริษัทได้แต่งตั้งผู้บริหารในตำแหน่งผู้จัดการทั่วไปถึง คน ประกอบด้วยตน นายวศโดม รัศมิทัต และนายเทรุ ฮิซะ อิโต เพื่อกระจายการบริหารงานลูกค้าให้เป็นเครือข่ายที่สามารถครอบคลุม ได้ทั่วถึง
 

ขณะเดียวกันบริษัทยังได้ลงทุนเปิดแผนกใหม่เพื่อรองรับการให้บริการที่ครบวงจรมากยิ่งขึ้นอีก 2 แผนก คือ Design Lab ให้บริการงานในด้านออกแบบดีไซน์ และ Strategy Planning หน่วยงานวางแผนกลยุทธ์ รวมถึงรับพนักงานรุ่นใหม่ ๆ เข้ามาช่วยขับเคลื่อนองค์กรให้เคลื่อนตัวไปข้างหน้า
ด้านนายพินิต ฉันทประทีป รองประธานและผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ เจดับบลิวที ประเทศไทย (JWT) บริษัทโฆษณาในเครือ WPP กล่าวว่า ขณะนี้ธุรกิจส่วนใหญ่เริ่มกลับมาวางแผนเชิงรุกกันอย่างชัดเจนขึ้น เนื่องจากเห็นสัญญาณการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่ดี ต่อเนื่อง บริษัทจึงเตรียมพร้อมสำหรับการให้บริการตามความต้องการของลูกค้าในแต่ละช่วงอย่างต่อเนื่อง 
บริษัทได้ให้ความสำคัญกับการทำงานร่วมกันกับบริษัทสื่อสารการตลาดในเครือในรูปแบบที่เป็น integrated โดยใช้ Big Idea ไปเป็นแกนในการทำการสื่อสารการตลาดในทุก ๆ ช่องทาง ทั้งช่องทางสื่อดั้งเดิมและสื่อใหม่ พร้อมวางโพซิชันนิ่งให้สามารถให้บริการแบบครบวงจร หรือ One Stop Shopping ที่เป็นทรู ไอเอ็มซี (through IMC) อย่างแท้จริง
นอกจากนี้ยังได้เพิ่มความแข็งแรงในทุก ๆ กลุ่มธุรกิจที่เปิดให้บริการอยู่ ทั้งด้านประชาสัมพันธ์ แอ็กทิเวชั่น ดีไซน์ และนำเครื่องมือที่มีอยู่มาใช้ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดกับธุรกิจของลูกค้าอีกด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้บริษัท โลว์ ประเทศไทย จำกัด ได้เปิดบิสซิเนสยูนิตใหม่ ส่วนหลัก ๆ คือ ที่ปรึกษาทางด้านแผนกลยุทธ์ธุรกิจ ภายใต้ชื่อ "BLUESKY Brand Consulting" บริษัท ที่ปรึกษาด้านการสร้างแบรนด์อย่างเป็นทางการ หลังจากที่ทดลองเปิดให้บริการ มาแล้วกว่า ปี สำหรับให้บริการที่ไม่ได้มีความต้องการเฉพาะการสื่อสารการตลาดและโฆษณา และหน่วยธุรกิจ "OPEN" เพื่อรองรับการดูแลธุรกิจค้าปลีกพร้อมทั้งให้บริการด้านการสร้างสื่อโฆษณาและคำปรึกษาด้านพฤติกรรมการตัดสินใจซื้อสินค้าของผู้บริโภค ในภาวะที่แบรนด์มีการแข่งขันที่สูงขึ้นในช่องทางค้าปลีก 
เช่นเดียวกับบริษัท ครีเอทีฟจูซ แบง ค็อก จำกัด ที่ให้น้ำหนักกับการขยายการให้บริการที่นอกเหนือจากงานรับจ้างผลิตและสร้างสรรค์ชิ้นงานโฆษณามาอย่างต่อเนื่อง ทั้งในส่วนงาน "มีเดีย อาร์ต คอนซัลติ้ง" ที่ปรึกษาด้านการวางแผนการใช้สื่อโฆษณา และ "อาร์ต แล็บ" หน่วยงานที่ปรึกษาองค์กรและเปลี่ยนแปลงทัศนคติของคนในองค์กร รวมถึงงานที่เกี่ยวข้องกับคอร์ปอเรตแบรนดิ้งและพีเพิลแบรนดิ้ง
ทั้งนี้ จากรายงานของนีลเส็น มีเดีย รีเสิร์ช (ประเทศไทย) พบว่า มูลค่าอุตสาหกรรมโฆษณาในช่วง เดือนแรก (มกราคม-สิงหาคม) ที่ผ่านมา มีมูลค่ารวม 64,545 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 12.5% จากแนวโน้ม ดังกล่าวนี้ทำให้ผู้บริหารบริษัทโฆษณาหลายแห่งต่างมองในทิศทางเดียวกันว่าภาพรวมของอุตสาหกรรมโฆษณาในปีนี้จะเติบโตเพิ่มขึ้นได้ไม่ต่ำกว่า 10%หรือมีมูลค่ารวมสูงถึงเกือบ แสนล้านบาท




ข่าวสารวงการไอที

ยักษ์ITยกทัพสินค้าถล่มคอมมาร์ต เอชพีเปิดเกมทวงคืนมาร์เก็ตแชร์ขยับลงตลาดล่าง

จันทร์, 11 ตุลาคม 2010
ยักษ์ITยกทัพสินค้าถล่มคอมมาร์ต เอชพีเปิดเกมทวงคืนมาร์เก็ตแชร์ขยับลงตลาดล่าง


"คอมมาร์ต" แรงจัด ขยายเวลาการจัดงานหนุนเพิ่มโอกาสการขาย ฟากยักษ์ โน้ตบุ๊กเตรียมพาเหรดสินค้าใหม่ในงานคอมมาร์ต 3-7 พ.ย. หวังปลุกกำลังซื้อช่วงปลายปี "เอชพี" เปิดเกมทวงคืนมาร์เก็ตแชร์ ส่งโน้ตบุ๊กใหม่ "ซีรีส์" ลงมาเล่นตลาดล่างในราคาเริ่มต้น 19,900 บาท ชูจุดขายบริการซ่อมด่วนภายใน 30 นาที พร้อมแก้เกมลูกค้าอั้นกำลังซื้อรอคอมมาร์ต จัดโปรโมชั่นพิเศษทุกสัปดาห์ ส่วน "เดลล์" ลุ้นนำ "Streak" แท็บเลตขนาด นิ้ว เปิดตัวในงาน



นายปฐม อินทโรดม ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เออาร์ไอพี จำกัด (มหาชน) ผู้จัดงานสินค้าไอทีคอมมาร์ต เปิดเผยว่า สำหรับงาน "คอมมาร์ต คอมเทค ไทยแลนด์ 2010" ปลายปีนี้ได้ขยายเวลาการจัดงานเพิ่มเป็น วัน ตั้งแต่วันที่ 3-7 พฤศจิกายน 2553 จากปกติ วัน เพื่อเพิ่มโอกาสในการขายให้กับผู้ค้ามากขึ้น เพราะพื้นที่ในศูนย์ประชุมสิริกิติ์มีจำกัด ไม่สามารถขยายพื้นที่เพิ่มได้ บริษัทจึงต้องขยายเวลา ซึ่งถือว่าเป็นจังหวะที่ดีเพราะไตรมาส เป็นช่วงที่มีเทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้าสู่ตลาดจำนวนมาก และหลายบริษัทเตรียมเปิดตัวสินค้าใหม่ ทำให้การขยายเวลาเพิ่มโอกาสการขายมากขึ้น 

"
แม้ว่าผู้ค้าจะต้องลงทุนเพิ่ม แต่ทุกรายต่างก็ยอมรับเพราะเห็นโอกาสในการขายเพิ่มขึ้น และจากผลสำรวจในปีที่ผ่านมา ๆ พบว่ามีผู้เข้าชมงานจำนวนไม่น้อยที่ไม่สามารถเข้าชมงานภายในระยะเวลาที่กำหนดได้" 
ทั้งนี้บริษัทได้เพิ่มงบฯประชาสัมพันธ์งาน 20% เพื่อโปรโมตระยะเวลางานให้รู้จักกันมากขึ้น ซึ่งคาดว่าจะมีผู้เข้าชมงานถึง ล้านคน และสามารถสร้างยอดขายเพิ่มเป็น 4,000 ล้านบาท จากปลายปีที่ผ่านมาทำยอดขายได้ประมาณ 3,500 ล้านบาท 
นายพงศ์ธวัช พิเชฐเลอมานวงศ์ ผู้จัดการกลุ่มผลิตภัณฑ์และการตลาด กลุ่มธุรกิจเพอร์ซันแนล ซิสเต็มส์ บริษัท ฮิวเลตต์-แพคการ์ด (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า จากที่ปัจจุบันโน้ตบุ๊กราคา 18,900-26,000 บาท คือตลาดเมนสตรีม มีส่วนแบ่งตลาดประมาณ 50-60% ของตลาดรวมโน้ตบุ๊กในไทย ขณะที่โน้ตบุ๊กภายใต้แบรนด์เอชพีระดับราคาต่ำสุดจะอยู่ที่ หมื่นกว่าบาท ทำให้ไม่มีสินค้าที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าเมนสตรีม ในเดือนตุลาคมบริษัทจึงได้นำสินค้าใหม่ "G Series" เข้ามาทำตลาดในราคาเริ่มต้น 19,900-24,900 บาท จำนวน รุ่น ซีพียูคอร์ i3 และ i5 ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่แบรนด์เอชพีมีโน้ตบุ๊กราคา 19,900 บาท 
ทั้งนี้ที่ผ่านมาบริษัทจะมีสินค้าที่ตอบโจทย์ในตลาดเมนสตรีมเฉพาะแบรนด์ คอมแพคเท่านั้น อย่างไรก็ตามตนคาดว่า การลงมาเล่นตลาดนี้ของเอชพีจะไม่ส่งผลกระทบกับแบรนด์คอมแพค ซึ่งเป็นโน้ตบุ๊ก รุ่นเอนทรี ราคาเริ่มต้นที่ 12,900 บาท เพราะกลุ่มลูกค้าต่างกันและสเป็กสินค้าก็มีความแตกต่าง
นอกจากนี้เอชพีได้เปิดบริการ "HP Service express repair 30 minute" หรือบริการซ่อมด่วน 30 นาที สำหรับลูกค้าที่ซื้อโน้ตบุ๊ก ซีรีส์ จากปกติเอชพีจะใช้เวลาในการซ่อมสินค้าประมาณ 45 นาทีถึง ชั่วโมง เพื่อเป็นการสร้างความแตกต่างกับสินค้าของคู่แข่งในตลาด โดยเซอร์วิสเอ็กซเพรสจะเน้นการซ่อมสินค้าที่ไม่ซับซ้อน เช่น อะแดปเตอร์ แบตเตอรี่ ซีดีรอมซึ่งลูกค้ามักประสบปัญหาเป็นประจำ เบื้องต้นจะเปิดให้บริการ ณ ศูนย์บริการ แห่งของเอชพี และมีแผนจะไปยังจุดรับบริการซ่อมอื่น ๆ ในอนาคต 
นายพงศ์ธวัชกล่าวอีกว่า ภาพรวมตลาดไตรมาส ที่ผ่านมาค่อนข้างชะลอตัว สำหรับไตรมาส แม้ว่าจะมีช่วงเวลาซื้อขายสินค้าน้อยกว่า เพราะเดือนธันวาคมจะมีวันหยุดยาวเยอะ แต่เนื่องจากจะมีงานคอมมาร์ตมาช่วยกระตุ้นตลาดช่วงปลายปีได้มาก 
แต่ขณะเดียวกันก็ทำให้ลูกค้าชะลอการตัดสินใจรองานคอมมาร์ต ดังนั้นเอชพีจึง จัดงาน "เอชพีโน้ตบุ๊กเอ็กซ์โป" ตั้งแต่ก่อนงาน สัปดาห์ต่อเนื่องไปจนหลังงานอีก สัปดาห์ทั่วประเทศ เพื่อให้ลูกค้าสามารถ ซื้อสินค้าและโปรโมชั่นเดียวกับในงานคอมมาร์ตได้ และในเดือนตุลาคมนี้เอชพีได้ทำโปรโมชั่นสินค้าราคาพิเศษทุกสัปดาห์

"
การทำโปรโมชั่นพิเศษในแต่ละสัปดาห์นั้นถือว่ามีความถี่มากกว่าช่วงที่ผ่าน ๆ มาเพื่อเป็นการกระตุ้นตลาดก่อนหน้างานโน้ตบุ๊กเอ็กซ์โป เพราะลูกค้าจะได้ไม่ต้องรอซื้อสินค้าก่อนงานคอมมาร์ต แถมยังเป็นการช่วยให้ดีลเลอร์แฮปปี้ด้วย"
โดยภาพการแข่งขันในงานคอมมาร์ตปลายปี ตนคาดว่ายังคงรุนแรงเหมือนเดิม เพราะมีสินค้าใหม่และเทคโนโลยีใหม่ เช่น ซีพียูเบอร์ใหม่ ความเร็วดีขึ้นเข้าสู่ตลาด ทำให้ตลาดปลายปีมีสีสัน และจากปัจจัยค่าเงินบาทแข็งทำให้ลูกค้าได้รับสินค้าสเป็กที่ดีขึ้นในราคาที่เหมาะสมด้วย 

"
ตอนนี้ยอมรับว่า ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ แบรนด์เบอร์ 3, 4 และ มีการเติบโตมากขึ้น สำหรับเอชพีแล้ว ช่วงที่ผ่านมาอาจจะยังไม่มีสินค้าใหม่ หรือแพลตฟอร์มใหม่ แต่ตอนนี้เอชพีมีสินค้าใหม่เข้ามาตอบโจทย์ลูกค้าแล้ว ซึ่งคาดว่าจะช่วยให้สัดส่วนรายได้ของแบรนด์เอชพีมากขึ้น" นายพงศ์ธวัชกล่าว
แหล่งข่าวในแวดวงไอทีกล่าวว่า การปรับตัวครั้งนี้ของเอชพี ถือว่าเป็นแผนการชิงคืนส่วนแบ่งตลาดของเอชพี หลังจากช่วงที่ผ่านมาเอชพีได้สูญเสียส่วนแบ่งตลาดให้กับคู่แข่งรายกลางในตลาด โดยในไตรมาส ที่ผ่านมา เอชพีมีส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 19% เท่านั้น เป็นการลดลงต่อเนื่องตั้งแต่ปลายปี 2552 จากที่เคยมีส่วนแบ่งตลาดอยู่ประมาณ 30% ซึ่งส่วนหนึ่งมีปัญหามาจากเรื่องการบริหารจัดการสินค้าที่ไม่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค ได้ทันท่วงที 
ด้านนายกฤตวิทย์ กฤตยเรืองโรจน์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาดกลุ่มคอนซูเมอร์ ประจำภาคพื้นเอเชียใต้ เดลล์ คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า ช่วงไตรมาส เดลล์จะมีการเปิดตัวโน้ตบุ๊กซีรีส์ใหม่เจาะกลุ่มตลาดกลางถึงบน รวมทั้ง "Dell streak" แท็บเลตหน้าจอทัชสกรีนขนาด นิ้ว ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ เนื่องจากบริษัทเห็นเทรนด์ของตลาดว่ามแนวโน้มีการเติบโตและหลายแบรนด์เปิดตัวแท็บเลตเข้าสู่ตลาด โดยที่จะพยายามนำเข้ามาให้ทันในช่วงงานคอมมาร์ตปลายปีนี้ อย่างไรก็ตามการตอบรับของตลาดจะมากน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับราคาสินค้าและประสิทธิภาพการใช้งานของเครือข่ายด้วย 
สำหรับภาพรวมตลาดคอมพิวเตอร์ไตรมาส คาดว่าจะมีการเติบโตมากขึ้นเพราะเป็นช่วงปิดงบประมาณปลายปี ผู้ค้าแต่ละแบรนด์ต่างเน้นทำโปรโมชั่น อย่างเต็มที่เพื่อเร่งระบายสต๊อกเก่า โดยเฉพาะในงานคอมมาร์ตที่กำลังจะเกิดขึ้นและปัจจัยจากค่าเงินบาทที่แข็งขึ้น คาดว่าจะทำให้สินค้ารุ่นใหม่มีราคาดีและเป็นประโยชน์ต่อผู้ซื้อ